วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

กีฬา

                                                    กีฬา

นิวยอร์กมีทีมกีฬาซึ่งเล่นอยู่ในลีกอาชีพของอเมริกาเหนือถึง 5 ลีก

สนามแยงกีส์ สเตเดียม สนามเหย้าของทีมนิวยอร์ก แยงกีส์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1923 จนถึงปัจจุบัน
  • เบสบอล - เมเจอร์ลีกเบสบอล : นิวยอร์กเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองของสหรัฐอเมริกาที่กีฬาเบสบอลดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากกว่าอเมริกันฟุตบอล ทีมเบสบอลของนิวยอร์กมีอยู่ 2 ทีม ที่เล่นอยู่ในเมเจอร์ลีกเบสบอล (Major League Baseball หรือ MLB) คือ นิวยอร์ก แยงกีส์ และนิวยอร์ก เม็ตส์ (นิวยอร์กเป็นหนึ่งใน 5 เมืองใหญ่นอกเหนือจาก ชิคาโก วอชิงตัน บอลทิมอร์ ลอสแอนเจลิส และซานฟรานซิสโกเบย์ที่มีทีมเบสบอลอาชีพถึง 2 ทีมที่เล่นอยู่ในลีกสูงสุด) โดยที่แยงกีส์และเม็ตส์จะได้พบกัน 6 ครั้งในแต่ละฤดูกาล นิวยอร์ก แยงกีส์ เคยได้แชมป์เวิลด์ซีรีส์ มาแล้วถึง 26 ครั้ง และเป็นทีมที่คว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุดอีกด้วย ขณะที่นิวยอร์ก เม็ตส์ เคยได้แชมป์ในรายการนี้ 2 ครั้ง นิวยอร์กยังเคยเป็นถิ่นของทีมนิวยอร์ก ไจแอนส์ (ปัจจุบันคือ ซานฟรานซิสโก ไจแอนส์) และบรูคลิน ดอร์จเจอร์ (ปัจจุบันคือ ลอสแอนเจลิส ดอร์จเจอร์) ก่อนที่ทั้ง 2 ทีมจะย้ายไปยังแคลิฟอร์เนีย ใน ค.ศ. 1958 นอกจากนั้นแล้วเมืองนี้ยังมีทีมเบสบอลอีก 2 ทีมที่เล่นอยู่ในไมเนอร์ลีกเบสบอล (Minor League Baseball) ด้วย คือ สแตตัน ไอส์แลนด์ แยงกีส์ และบรูคลิน ไซโคลน
  • อเมริกันฟุตบอล - เอ็นเอฟแอล : อเมริกันฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ตัวแทนเข้าไปแข่งขันในลีกอเมริกันฟุตบอล (National Football League หรือ NFL) ของนิวยอร์กมีอยู่ด้วยกัน 2 ทีม คือ นิวยอร์ก เจ็ตส์ และนิวยอร์ก ไจแอนส์ (ชื่อเป็นทางการคือ นิวยอร์ก ฟุตบอล ไจแอนส์ ) โดยใช้สนามไจแอนส์ สเตเดียม ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เป็นสนามเหย้าของทั้ง 2 ทีม
  • ฮอกกี้ - เอ็นเฮชแอล : อีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันอย่างฮอกกี้ ทีมนิวยอร์ก เรนเจอร์ เป็นตัวแทนของเมืองที่เข้าร่วมแข่งขันในลีกฮอกกี้อาชีพ (National Hockey League หรือ NHL) กับอีก 2 ทีมคือ นิวเจอร์ซีย์ เดวิล และนิวยอร์ก ไอแลนเดอร์ ที่เล่นอยู่ในลองไอแลนด์
  • ฟุตบอล - เมเจอร์ลีกซอกเกอร์ : ทางด้านกีฬาฟุตบอล มีทีมเรด บูลล์ นิวยอร์ก เข้าร่วมในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ (Major League Soccer หรือ MLS) และใช้สนามไจแอนส์ สเตเดียม ในนิวเจอร์ซีย์เป็นสนามเหย้า
  • บาสเกตบอล - เอ็นบีเอ : บาสเกตบอลมี ทีมนิวยอร์ นิกส์ ที่เล่นอยู่ในลีกบาสเกตบอลอาชีพ (National Basketball Association หรือ NBA) และทีมบาสเกตบอลหญิง นิวยอร์ก ลิเบอร์ตี ที่เล่นอยู่ในลีกบาสเกตบอลหญิงอาชีพ (WNBA) นิวยอร์กกับบาสเกตบอลมีจุดที่น่าสนใจอยู่ที่สนาม แต่สนามบาสเกตบอลที่สำคัญที่สุดในเมืองนี้ไม่ใช่สนามที่ทันสมัย หรือสนามที่ใหญ่โต แต่เป็นลานบาสเกตบอลที่มีชื่อว่า รัคเคอร์ พาร์ก (Rucker Park) ในเขตชุมชนฮาเล็ม โบโรห์แมนแฮตตัน นักกีฬาที่ได้ก้าวไปสู่การเล่นในระดับอาชีพหลายคน เคยใช้ลานแห่งนี้ในการฝึกฝนทักษะมาแล้ว ซึ่งก็รวมทั้งนักกีฬาบาสเกตบอลที่ได้ก้าวไปสู่การเล่นในเอ็นบีเอด้วย และรัคเคอร์ พาร์ก ยังเป็นสนามให้ผู้เล่นได้เลือกใช้เป็นลานประลองกันในเกม NBA Ballers, NBA Street, NBA Street Vol.2, NBA Street V3, NBA 2K7 และ NBA 2K8
ทางด้านของการแข่งขันระดับโลก นครนิวยอร์กก็มีชื่อเสียงในรายการแข่งขันที่สำคัญหลายรายการ เช่น
เทนนิสยูเอสโอเพน (ที่โบโรห์ ควีนส์) หนึ่งในแกรนด์สแลมรายการใหญ่ที่สุด 4 รายการของโลก และเป็นการแข่งขันรายการสุดท้ายของปี
  • เทนนิสยูเอสโอเพน หนึ่งในรายการแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลม รายการใหญ่ที่สุด 4 รายการของโลก จัดขึ้นที่โบโรห์ ควีนส์
  • นิวยอร์ก ซิตี้ มาราทอน การแข่งขันวิ่งมาราทอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และในช่วง ค.ศ. 2004-2006 รายการนี้ติด 1 ใน 3 ของการแข่งขันวิ่งมาราทอนที่มีผู้สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยมากที่สุด รวมกับผู้ที่วิ่งเข้าเส้นชัยถึง 37,866 คนใน ค.ศ. 2006
  • มิลล์โรส์ เกม เป็นการแข่งขันกีฬาประเภทลู่และลาน (Track and Field) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
  • มวยสมัครเล่นโกลด์เด้น โกลฟ์ การแข่งขันมวยเองก็เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่เป็นส่วนหนึ่งของเมืองแห่งนี้ ในแต่ปีจะมีการแข่งขันรายการมวยสมัครเล่นโกลด์เด้น โกลฟ์ (Amateur Boxing Golden Gloves) ที่ เมดิสัน สแควร์ การ์เดน
ยังมีกีฬาอีกมากมายที่มีความเกี่ยวข้องกับนิวยอร์กซึ่งมาจากกลุ่มผู้เข้ามาตั้งรกรากในเมืองแห่งนี้ สติ๊กบอล (Stickball) เป็นเบสบอลในรูปแบบของสตรีทเกม จัดว่าเป็นกีฬาที่นิยมในเขตชุมชนอิตาเลียน เยอรมัน และไอริช ในปี 1930 ซึ่งสติ๊กบอล ก็ยังคงได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบัน ถึงขนาดว่าถนนแห่งหนึ่งในเดอะบอรงซ์ ได้เปลี่ยนชื่อเป็นสติ๊กบอล บูเลอวาร์ด (Stickball Blvd.) และทำให้นิวยอร์กถูกเปรียบว่าเป็นเมืองที่มีกีฬาในรูปสตรีทเกมที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ก็มีการนำเอาลีกคริกเกตสมัครเล่นเข้ามาในนิวยอร์ก จากผู้ที่ย้ายถิ่นมาจากเอเชียใต้ และแถบแคริเบียน กีฬาประเภทสตรีทฮอกกี้ สตรีทฟุตบอล และสตรีทเบสบอล เป็นกีฬาที่จะเห็นคนทั่วไปเล่นกันบนท้องถนนของนิวยอร์ก ทำให้บ่อยครั้งที่เมืองนี้จะถูกเรียกว่า “เมืองสนามเด็กเล่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก” กีฬาในรูปสตรีทเกมเป็นกีฬาที่เข้าใจวิธีการเล่นได้ง่าย และทุกเพศทุกวัยสามารถที่จะเล่นได้


อาหารการกิน

15 ร้านอาหารสไตล์ brunch 

ที่จะทำให้คุณมีประสบการณ์มื้อสายอย่าง New Yorker

ที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในนครนิวยอร์ก


     ที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในนครนิวยอร์ก 

นครนิวยอร์ก (New York) มหานครที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของความศิวิไลซ์ หากใครมีโอกาสได้ 
เดินทางไปเยือน คุณจะต้องประทับใจไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ ๆ แจ่ม ๆ จำนวนมาก ที่ไม่ควรพลาดไปสัมผัสด้วยตัวเอง ทั้งนี้ กระปุกดอทคอมจึงได้รวบรวมเอา 10 สถานที่เจ๋ง ๆ ในนิวยอร์ก จาก opentravel.com มาแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ทราบ เพื่อเป็นข้อมูลก่อนจะเดินทางไปเที่ยวค่ะ เริ่มต้นกันที่...

นิวยอร์ก

ภาพประกอบโดย Andrey Bayda / Shutterstock.com

1. บรอดเวย์ (Broadway)

          ไม่ต้องสงสัยเลยว่า บรอดเวย์ เป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดหากมานิวยอร์ก สถานที่ที่มีชื่อเสียงในด้านของโรงละครต่าง ๆ มากมายมารวมกันอยู่ที่นี่ และนี่ก็เป็นที่มาของชื่อ ถนนบรอดเวย์ หากคุณตั้งใจที่จะมาดูการแสดงละครเวทีหรือศิลปะการแสดงต่าง ๆ และไม่ต้องการพลาดที่นั่งแถวหน้า มุมดี ๆ บอกได้เลย[ว่า ต้องจองที่ล่วงหน้าไว้ก่อนนะ ไม่งั้นพลาดแน่นอน หรือหากคุณพลาดจริง ๆ ก็ไม่ต้องกังวลใจ ที่บรอดเวย์ยังมีอะไรให้คุณทำอีกเยอะ เช่น ออกไปโปรยเงินเล่นช้อปปิ้งที่ ฟิฟท์ อเวนิว (5th Avenue) พร้อมชมความงามของ โบสถ์ทรินิตี้ อันเลื่องชื่อ และแน่นอนที่สุด ไม่ควรพลาดที่จะมุ่งไปที่ ไทม์ สแควร์ สถานที่ ๆ คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศความเป็นนิวยอร์กอย่างแท้จริง

นิวยอร์ก

2. อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty)

          เมื่อเอ่ยถึงสตรียืนสูงเด่นเป็นสง่า ที่เป็นสัญลักษณ์ของ "เสรีภาพ" ของชาวมะกันนั้น คงต้องหมายถึง "เทพีเสรีภาพ" อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์ที่ทางฝรั่งเศสมอบให้กับชาวอเมริกัน เพื่อเป็นของขวัญฉลองครบรอบ 100 ปี ในวันประกาศอิสรภาพจากประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1776 โดยตัวเทพีมีความสูงถึง 96 เมตร ใช้ชิ้นส่วนมาประกอบตัวเทพีจำนวน 350 ชิ้น ซึ่งใช้ระยะเวลาในการประกอบถึง 4 เดือน สร้างโดย บาร์โธลดี หากไม่ได้มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับสตรีแห่งเสรีภาพแห่งนี้ ถือว่าคุณพลาด 1 ในมหัศจรรย์สิ่งก่อสร้างของโลกชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว

นิวยอร์ก

 3. สวนสาธารณะ เซ็นทรัล พาร์ค (Central Park)

          หากต้องการหลบจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่อย่างมหานครนิวยอร์ก สวนสาธารณะ เซ็นทรัล พาร์ค คงเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่น่าสนใจสำหรับคนเมืองใหญ่เช่นนี้ เซ็นทรัล พาร์ค สร้างเสร็จเมื่อปี 1873 มีขนาดอยู่ที่ 341 เฮกตาร์ (3.4 ตารางกิโลเมตร หรือสนามฟุตบอล 460 สนามต่อกัน) โดยผู้คนที่เดินทางมาที่นี้ ไม่ใช่มาเพื่อเดินหรือวิ่งออกกำลังเท่านั้น ภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ ยังมีสวนสัตว์ รูปปั้น ร้านอาหาร เรือถีบ ม้าหมุน ลานสเก็ต นั่งปิคนิค และลานน้ำพุ ที่สำคัญที่ เซ็นทรัล พาร์ค ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมที่กองภาพยนต์ มักเลือกใช้มาเป็นส่วนหนึ่งในฉากประกอบซะด้วย 

นิวยอร์ก

 4. หมู่บ้านกรีนวิช (Greenwich Village)

          หมู่บ้านกรีนวิช เป็นที่รู้จักดีว่าเป็นเขตที่อยู่อาศัยของชุมชนในแมนฮัตตัน แต่ครั้งหนึ่งนั้นเคยเป็นเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญ และตกเป็นเมืองขึ้นของชาวโบฮีเมี่ยน บีทนิกส์ และเคยถูกทิ้งให้เป็นเมืองร้างมาก่อน แต่หมู่บ้านกรีนวิชยังคงความมีเสน่ห์ในตัวที่ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาที่หมู่บ้านแห่งนี้ ปัจจุบันได้กลายเป็นชุมชนศิลปะอันสดใส และอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยนิวยอร์กอันโด่งดัง พร้อมอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมตอนกลางคืนอันสว่างไสวไปกับแสงไฟบนถนนแม็คโดกัล

นิวยอร์ก

ภาพประกอบโดย Cedric Weber / Shutterstock.com

 5. ตึกเอ็มไพร์ สเตท (Empire State)

          ตึกเอ็มไพร์ สเตท เป็นตึกที่ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดเหนือ ตึกไครซ์เลอร์ และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของนครนิวยอร์ก ตึกระฟ้าแห่งนี้มีความสูงถึง 102 ชั้น มีสไตลล์การตกแต่งแบบศิลปะสไตลล์ เด็คโค่ และเป็นอาคารที่ได้รับความนิยมถูกใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนต์หลายเรื่อง เช่น ภาพยนต์ชื่อดังอย่าง "คิงคอง" ที่มีเจ้าลิงยักษ์ปีนขึ้นไปบนยอดตึก ตึกเอ็มไพร์ สเตท หากคุณไม่กลัวความสูง และต้องการเห็นมุมมองอันน่าอัศจรรย์ของเมืองนิวยอร์ก ที่สามารถมองเห็นรอบ ๆ เมืองได้ไกลถึง 80 ไมลล์ ต้องไม่พลาดในการขึ้นไปพิชิตยอดตึกแห่งนี้เหมือนเจ้าคิงคอง

นิวยอร์ก

ภาพประกอบโดย SeanPavonePhoto / Shutterstock.com

 6. พิพิธภัณฑ์ศิลปะ เมโทรโพลิทัน (Metropolitan Museum of Art)

          หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หิวโหยและคลั่งไคล้ในงานศิลปะ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ เมโทรโพลิทัน เป็นสถานที่รวบรวมจัดแสดงผลงานชั้นยอดต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงของเหล่าศิลปินมากมายไว้ที่นี้ เช่น เซซานและโมเนต์ ปิกัสโซ่ แคนดินสกี้ เดอะ โมมา เป็นต้น และพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ดังนั้น หากคุณได้มาชื่นชมผลงานอันเลื่องชื่อของศิลปินที่นี้ คุณอาจจะได้รับแรงบันดาลใจดี ๆ เพื่อนำไปสร้างสรรค์ผลงานของคุณเองได้อีกด้วย

นิวยอร์ก

ภาพประกอบโดย Vladimir Korostyshevskiy / Shutterstock.com

 7. เกาะโคนี่ย์ (Coney Island)

          หากกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนริมทะเล กับหาดทรายขาวนวลและแสงแดดอ่อน ๆ เราขอแนะนำให้ลองมาที่ เกาะโคนี่ย์ บ้านพักตากอากาศที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของเมืองบรู๊คลิน และริมทางเดินชายหาดของนิวยอร์ก นอกจากชายหาดแล้วยังมีสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่าง พิพิธภัณฑ์สัตวน้ำนิวยอร์ก สวนสนุกที่มีเครื่องเล่นหลากหลาย และต้องไม่พลาดเลยกับ ฮ็อทด็อกซ์ เจ้าดังอย่าง "เนธาน ฮ็อทด็อกซ์" ที่เมื่อมาถึงทีนี้แล้วต้องมาลิ้มรสกันให้ได้

นิวยอร์ก

ภาพประกอบโดย Andrew F. Kazmierski / Shutterstock.com

 8. ร็อคกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์ (Rockefeller Center)

          เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีศูนย์การค้าส่วนตัวของตัวเอง ประกอบไปด้วยตึก 19 ตึก ที่มีความสวยงามน่าประทับใจ โดยเริ่มต้นการทำโครงการทางธุรกิจแบบผสมผสาน มีทั้งสวน ร้านอาหารและแหล่งช้อปปิ้ง ด้วยพื้นที่สำนักงาน ซึ่งทั้งหมดถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ด้วยศิลปะสไตลล์เด็คโค่ ปัจจุบันที่ศูนย์แห่งนี้เป็นสถานที่จัดงานทางด้านวัฒนธรรมและบันเทิงกลางเมืองนิวยอร์ก ซึ่งจัดงานคอนเสิร์ตและนิทรรศการต่าง ๆ 

          แล้วที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง คือ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส จะมีการนำต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่มาจัดแสดงไว้ และในยามค่ำคืน ณ ลานสเก็ตที่ศูนย์แห่งนี้ จะแปรเปลี่ยนเป็นลานสเก็ตที่ส่องแสงประกาย สะท้อนแสงไฟระยิบระยับราวกับเพชร ซึ่งเป็นภาพที่สวยสดงดงามในยามค่ำคืน

นิวยอร์ก

ภาพประกอบโดย SeanPavonePhoto / Shutterstock.com

 9. ศูนย์แสดงศิลปะ ลินห์นคอน เซ็นเตอร์ (Lincoln Center for the Performing Arts)

          ศูนย์แสดงศิลปะ ลินห์นคอน เซ็นเตอร์ เป็นศูนย์ศิลปะที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นบ้านของสถาบันศิลปะนิวยอร์กทั้ง 12 แห่ง อาทิ โรงละครโอเปร่า เมโทรโพลิแทน โรงแสดงบัลเล่ต์นิวยอร์ก ที่จัดแสดงคณะประสานเสียง โรงหนังลินห์นคอน เซ็นเตอร์ เป็นต้น และเป็นที่แน่นอนเลยว่าผู้หลงใหลศิลปะทั้งหลาย จะได้รับประสบการณ์อันยอดเยี่ยมกับผลงานอันตระการตาต่าง ๆ จากเหล่านักแสดงและเป็นแรงใจให้กับศิลปินหน้าใหม่มามากกว่า 50 ปี

นิวยอร์ก

ภาพประกอบโดย Pierre E. Debbas / Shutterstock.com

10. สนามแยงกี้ (Yankee Stadium)

          สุดยอดสนามเบสบอลทีมเหย้าอันน่าภาคภูมิใจของชาวนิวยอร์กแยงกี้ ที่ได้ชื่อว่ามีมูลค่าการก่อสร้างของสนามแพงถึง 1.5 ล้านเหรียญ กับความจุของสนามอันมหาศาลมากกว่า 52,000 ที่นั่ง พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย โดยเคยตั้งอยู่ที่ย่าน บรองซ์ ก่อนที่จะย้ายมาสร้างใหม่ที่ เลขที่ 25 ถนนหลักใน คูเปอร์สทาวน์ เมืองนิวยอร์ก ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนเบสบอลหรือไม่ เราขอแนะนำให้คุณลองเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศอันกึกก้อง ของสาวกทีมนิวยอร์กแยงกี้ ซึ่งจะปลุกอารมณ์คุณให้ลุกขึ้นมาร่วมเชียร์ทีมโปรดไปด้วยกัน

ประวัตินครนิวยอร์ก

                    

                   นครนิวยอร์ก (ประวัติ) 



ไฟล์:GiovanniVerrazano.jpg

  • เดิมทีของนิวยอร์กเป็นที่อยู่ของชนอเมริกันพื้นเมืองที่เรียกว่า “เลนาเป” (Lenape) ขณะนั้นมีประชากรประมาณ 5,000 คน ซึ่งอาศัยดินแดนแห่งนี้อยู่นานนับพันปี ก่อนที่จิโอวานี เดอ เวเรซาโน่ (Giovanni da Verrazzano) นักเดินเรือชาวอิตาเลียนจะค้นพบนิวยอร์กใน ค.ศ. 1524 โดยได้รับคำบัญชาจากราชวงศ์ฝรั่งเศส และเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า “Nouvelle Angoulême” (New Angoulême ในภาษาอังกฤษ)
  • ค.ศ. 1614 ชาวยุโรปได้เข้ามาตั้งรกรากอย่างจริงจัง โดยเริ่มก่อตั้งชุมชนค้าผ้าขนสัตว์ของชาวดัตช์ และเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า “นิว นีเดอร์แลนด์” (“Nieuw Nederland” ในภาษาดัตช์) เรียกท่าเรือและเมืองในตอนใต้ของเกาะแมนแฮตตันว่า “นิวอัมสเตอร์ดัม” (Nieuw Amsterdam ในภาษาดัตซ์) มี Peter Minuit เป็นผู้ปกครองอาณานิคมนี้ ซึ่งต่อมาเขาได้ซื้อเกาะแมนแฮตตันทั้งหมดจากชนพื้นเมือง ใน ค.ศ. 1626 มูลค่าทั้งหมด 60 กิลเดอร์ (Guilders) หรือประมาณ $1,000 ในปัจจุบัน (ค.ศ. 2006) แต่ต่อมามีข้อพิสูจน์ว่าไม่จริง กล่าวคือ เกาะแมนฮัตตันถูกซื้อไปด้วยลูกปัดที่ทำจากแก้วในราคา $24 ก่อนที่อังกฤษจะเข้ายึดครองเป็นอาณานิคมของตนใน ค.ศ. 1664 และเปลี่ยนชื่อเมืองใหม่ว่า “นิวยอร์ก” เพื่อเกียรติให้กับ “ดยุคแห่งยอร์คและอัลแบนี” (English Duke of York and Albany) ขณะนั้นคือสมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ ในช่วงปลายสงครามแองโกล-ดัตช์ครั้งที่ 2 ชาวเนเธอร์แลนด์ได้ยึดครองเกาะรัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินโดนีเซียปัจจุบัน และเป็นสิ่งที่มีค่ามากในขณะนั้น แลกกับการให้อังกฤษยึดครองนิวอัมสเตอร์ดัม หรือนิวยอร์กในดินแดนอเมริกาเหนือ ส่งผลให้ต่อมาใน ค.ศ. 1700 ประชากรชาวเลนาเปลดลงเหลือเพียง 200 คน
  • ภายใต้กฎระเบียบของอังกฤษ นิวยอร์กได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ที่สำคัญอย่างยิ่ง ใน ค.ศ. 1754มีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ที่ได้รับสิทธิจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งบริเตนใหญ่ เช่นเดียวกับ มหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ (King’s College) ที่แมนแฮตตันตอนใต้ ก่อนที่จะเกิดการปฏิวัติอเมริกา (American Revolution War) เนื่องจากอาณานิคมทั้งสิบสามที่อยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษต้องการแยกตัวออกเป็นอิสระ และได้ทำการประกาศอิสรภาพในวันที่ 4 กรกฎาคม 1776 นำโดยจอร์จ วอชิงตัน ผู้บัญชาการกองทัพภาคพื้นทวีปของฝ่ายอาณานิคม (Continental Army) มีการรบกับกองทัพอังกฤษทางตอนเหนือของแมนแฮตตัน และบรูคลิน จนกระทั่งสงครามได้สิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1783 โดยชัยชนะเป็นของอดีตอาณานิคมภายหลังสงครามยุติลงได้มีการจัดประชุมและประกาศให้นิวยอร์กเป็นเมืองหลวง (จนถึง ค.ศ. 1790[11]) ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Constitution) จอร์จ วอชิงตัน ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนแรก และเข้าแถลงต่อสภาคองเกรสใน ค.ศ. 1789 รวมทั้งมีการร่างกฎบัตรว่าด้วยสิทธิของชาวอเมริกัน (United States Bill of Rights) ณ เฟดเดอรัลฮอล (Federal Hall) (ปัจจุบันคืออนุสรณ์สถานแห่งชาติ) ที่วอลล์สตรีท และถือเป็นการเริ่มต้นดินแดนใหม่ที่ถูกเรียกว่า “สหรัฐอเมริกา” ก่อนที่จะแผ่ขยายอาณาเขตของตนเองจาก 13 รัฐไปถึง 50 รัฐกับอีกหนึ่งเขตปกครองกลางใน ค.ศ. 1898 ได้มีการยกระดับฐานะของนิวยอร์กโดยการรวมเอาบรูคลิน เคาน์ตี้ นิวยอร์ก (ซึ่งรวมถึงส่วนของเดอะบรองซ์ด้วย) เคานตี้ ริชมอนด์ และส่วนตะวันตกของเคาน์ตี้ ควีนส์ เป็นหนึ่งเดียวกัน ให้เป็นมหานครนิวยอร์กมาถึงปัจจุบัน
 

  • จิโอวานี เดอ เวเรซาโน่ ผู้ค้นพบและสำรวจนิวยอร์กเป็นคนแรก ใน ค.ศ. 1524
    ไฟล์:Manhattan 1931.jpg

    แมนฮัตตัน นิวยอร์กซิตี้ ในยุคแรก

    ไฟล์:Castelloplan.jpg

    แมนแฮตตันส่วนใต้ใน ค.ศ. 1660 ขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของนิวอัมสเตอร์ดัม